วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โรคบูลิเมีย(Bulimia Nervosa)


โรคบูลิเมีย(Bulimia Nervosa) หรือโรคกลัวอ้วน

มาจากรากศัพท์ภาษากรีกที่แปลได้ว่า "หิว .. กระหายอย่างแรง " เป็นโรคในกลุ่มของอาการผิดปกติในการกิน (Eating Disoder) เป็นอาการผิดปกติ เกี่ยวกับการ รับประทานอาหาร ซึ่งคนที่เป็นโรคนี้มักจะมีความเชื่อที่ผิดเกี่ยวกับอาหาร และเกลียดอาหาร มักคิดว่า อาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วทำให้อ้วน
*ส่วนใหญ่พบในหญิงสาวช่วงวัยรุ่น อายุตั้งแต่ 14-15 ไปจนถึง 30 ปี
*ประวัติศาสตร์การแพทย์มีการค้นพบโรคนี้ครั้งแรกในกลุ่มของนักบัลเล่ต์เมื่อคริสตศตวรรษที่ 15

สาเหตุการเกิดโรค อาจเกิดจากสาเหตุ ดังนี้

1. พันธุกรรม ในต่างประเทศมีการศึกษาและพบว่าถ้าบุคคลในครอบครัว โดยเฉพาะมารดาเคยเป็นโรคนี้มาก่อน ลูกก็มีแนวโน้มที่จะเป็นด้วย

2. ความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ต่อมควบคุมการบริโภคอาหาร และฮอร์โมนทำงานผิดปกติ

3. ค่านิยม ผู้หญิงบางคนมีค่านิยมในเรื่องรูปร่าง คือให้ความสำคัญเรื่องรูปร่างผอมว่าเป็นมาตรฐานที่ดี
หรือผู้ที่คิดว่าตนเองไร้ค่า และผู้เป็นโรคซึมเศร้าก็มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้ง่าย

ข้อสังเกต ผู้ที่เป็นโรคบูลิเมียนั้นจะเห็นได้ชัดที่พฤติกรรมการบริโภค คือ มักจะบริโภคอาหารในปริมาณมาก
แต่ละครั้ง แล้วมีพฤติกรรมในการกำจัดอาหารที่ตัวเองบริโภคออกมา ด้วยการล้วงคอให้อาเจียน ใช้ยาถ่าย
อดอาหารติดต่อกัน 3-4 วัน หรือออกกำลังอย่างหนักติดต่อกันนาน มากกว่า 5 ชั่วโมงทุกวัน

ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคบูลิเมีย จากการที่ผู้ป่วยพยายามกำจัดอาหารที่บริโภคด้วยวิธีการต่างๆ
ทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ดังนี้

1. ภาวะอิเล็กโตรไลท์ผิดปกติ เช่น มีระดับโปตัสเซียมและคลอไรด์ในเลือดต่ำ ซึ่งถ้ารักษาไม่ทันก็อาจทำให้เสียชีวิตได้
2. ทำให้เกิดความผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร เช่น อาจมีการฉีกขาดของหลอดอาหาร หรือเยื่อบุลำคอ ในระหว่างที่มีการกระตุ้นตนเองให้อาเจียน หรืออาจทำให้ฟันผุ เนื่องจากกรดที่ย้อนขึ้นมาจากกระเพาะ
หรืออาจทำให้ต่อมน้ำลายบวม3. อาจเป็นสาเหตุทำให้ไตวาย เพราะการล้วงคอให้อาเจียนหลายๆครั้งอาจทำให้ร่างกายขาดน้ำและอิเล็กโตรไลท์ที่สำคัญ

การรักษา ผู้ป่วยโรคบูลิเมีย นอกจากอาการทางกายแล้วยังมีอาการทางจิต ในการรักษาต้องให้ผู้ป่วยสมัครใจการรักษาจึงจะได้ผล ดังนี้

1. สังเกตอาการแล้วปรึกษาแพทย์ การรักษาต้องรักษา 2 ทาง คือ อาการทางด้านร่างกาย และการปรึกษาจิตแพทย์ควบคู่กัน
2. เปลี่ยนค่านิยมเรื่องรูปร่างที่ว่า ผู้ที่ร่างกาย ผอม บอบบางนั้นกำลังจะเป็นค่านิยมที่ล้าสมัย ในหลายประเทศกำลังรณณรงค์เรื่องการบริโภคอาหารถูกหลักโภชนาการ และการออกกำลังกายเพื่อมีรูปร่างที่เหมาะสม คือ ต้องมีลักษณะที่บ่งชี้ว่าเป็นผู้มีสุขภาพแข็งแรง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น