วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประโยชน์ของผลไม้!




ทับทิม
ได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 8,000 ปีมาแล้วในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือกันว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ซึ่งในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและเคเลี่ยม มีผลดีอย่างมากในระบบฟอกโลหิต และระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ทั้งนี้ ในผลทับทิมยังมีสารที่มีลักษณะใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในสตรี ซึ่งสารนี้จะช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน บำรุงผิวพรรณให้สดใส ลดระดับโคเลสเตอรอลและไขมันในเส้นเลือด และในทับทิมยังมีกรดอะมิโน 2 ชนิด คือ กรดกลูตามิน และกรดแอสบารากิน ซึ่งจะช่วยเพิ่มนอร์อะดรีนาลิน ทำให้สมองกระฉับกระเฉงขึ้น ทั้งยังช่วยแก้กระหาย แก้ร้อนใน กรดเอแร็คมีประโยชน์ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

บลูเบอร์รี่
ช่วยลดคลอเลสเตอรอล จากการศึกษาล่าสุดเมื่อไม่นานนี้ พบสารอาหารในผลบลูเบอร์รี่มีฤทธิ์สามารถลดระดับคลอเลสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักวิจัยด้านเคมี Agnes Rimando จากสถาบัน U.S. Department of Agriculture กล่าวว่า สารอาหารที่ว่านี้มีชื่อว่า pterostilbene ซึ่งมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ทำให้มีผลในการลดคลอเลสเตอรอลในร่างกาย และเชื่อว่าน่าจะนำมาพัฒนาเป็นยา เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วย ที่มีปัญหาเรื่องคลอเลสเตอรอลสูง


แครนเบอร์รี่
น้ำแครนเบอร์รี่ ช่วยลดอัตราเสี่ยงในการติดเชื้อของระบบทางเดินปัสสาวะในเพศหญิง การดื่มน้ำแครนเบอร์รี่ ในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (UTIs) ในเพศหญิงได้ จากบทความทางการแพทย์ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Clinical Infectious Diseases Society Of America. ฉบับ 15 พฤษภาคม 2004

แอปเปิ้ล
กินแอปเปิ้ลวันละลูก ในผลไม้ชนิดต่างๆนั้น แอปเปิ้ลอาจเป็นผลไม้ธรรมดาที่สุด แต่แอปเปิ้ลอุดมด้วยสารอาหาร หมอจีนเชื่อว่าแอปเปิ้ลสามารถ "เพิ่มความยืดหยุ่นให้ปอด เกิดน้ำลาย บำรุงกระเพาะอาหารและม้าม" แอปเปิ้ลสามารถลดคอเลสเตอรอล และช่วยขจัดไขมันออกจากร่างกาย ชาวฝรั่งเศสเคยดำเนินการทดลองคือ ให้ผู้ใหญ่ทั้งเพศหญิงและเพศชายกลุ่มหนึ่งกินแอปเปิ้ลวันละ 2-3 ลูก หนึ่งเดือนให้หลัง พบว่า 80% ของผู้รับการทดลองเกิดสภาพว่า มีคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดีหรือ LDL ลดลงแต่คอเลสเตอรอลที่ดีหรือ HDL เพิ่มมากขึ้น แสดงว่าแอปเปิ้ลมีส่วนช่วยป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ แอปเปิ้ลยังมีสารโปแตสเซียมที่เป็นผลดีในการรักษาโรคความดันโลหิตสูง แอปเปิ้ลยังสามารถปรับปรุงสรรถนะของกระเพาะอาหาร และลำไส้ด้วย เพราะแอปเปิ้ลมีสารเซลลูโรสมาก จะช่วยแก้อาการท้องผูก อีกด้านหนึ่ง กรดแอปเปิ้ลก็เป็นผลดีต่อการรักษาอาการท้องเสีย นอกจากนี้ เนื่องจากแอปเปิ้ลมีสารอาหารมากมาย และมีแคลอรี่ต่ำ จึงถือเป็นอาหารลดความอ้วนด้วย ถ้าเอาเปลือกแอปเปิ้ลและขิงหลายชิ้นต้มในน้ำด้วยกัน จะสามารถรักษาอาการอาเจียนได้

มะม่วง
มะม่วงก็รักษาโรคได้ มะม่วงเป็นผลไม้ประเภทที่อุดมด้วยโปรตีนเพียงไม่กี่ชนิดในบรรดาผลไม้ที่มีอยู่ กินมากจะรู้สึกอิ่มง่าย มะม่วงสามารถบำรุงตาและผิว ส่วนเมล็ดมะม่วง สามารถขจัดสารพิษออกจากร่างกายและลดความดันโลหิต กินมะม่วงสามารถยับยั้งอาเจียน รักษาอาการเมารถเมาเรือ และเมื่อผู้หญิงมีครรภ์มีอาการคลื่นไส้ ก็สามารถกินมะม่วงหรือดื่มน้ำที่ต้มมะม่วง แต่ผู้ป่วยโรคผิวหนัง ผู้ป่วยโรคเนื้องอกและผู้ที่มีอาการไอ มีเสมหะเยอะ ห้ามกินมะม่วง เพราะมะม่วงมีลักษณะชื้น อาจทำให้มีอาการมากขึ้น


สับปะรด
สับปะรดบำรุงกระเพาะอาหาร เนื้อสับปะรสมีรสชาติทั้งเปรี้ยวและหวาน ช่วยเจริญอาหารได้ อีกทั้ง ยังมีน้ำตาลผลไม้ กลูโคส โปรตีน กรดมะนาว และวิตามินเป็นต้น จึงได้รับความนิยมชมชอบจากผู้คนทั้งหลาย หลี่ สือเจิน นายแพทย์โบราณจีนที่มีชื่อเสียงเห็นว่า สับปะรดสามารถบำรุงม้ามและกระเพาะอาหาร รักษาพลังในร่างกาย แต่เมื่อปอกเปลือกของสับปะรดแล้ว ควรแช่ในน้ำเกลือก่อนรับประทาน เพื่อละลายสารพิษในสับปะรด และให้สับปะรดมีรสชาติที่อร่อยยิ่งขึ้น หากรับประทานสับปะรดแล้วรู้สึกคอไม่สบาย ก็แสดงว่าเกิดอาการแพ้ ควรรีบหยุดกินสับปะรด และดื่มน้ำเกลือเจือจางเพื่อแก้อาการแพ้

มะพร้าว
มีบทบาทเสริมสุขภาพให้แกร่งขึ้น มะพร้าวมีไขมันและโปรตีนมาก ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่ามะพร้าวมีบทบาทแก้ร้อนใน แต่ความเข้าใจเช่นนี้ไม่ค่อยถูกต้อง เพราะกินมะพร้าวแล้ว จะสามารถช่วยเสริมสุขภาพให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับให้คนที่อ่อนเพลียรับประทาน โดยเฉพาะเอาเนื้อมะพร้าว ข้าวเหนียวตุ๋นกับไก่ จะได้ผลบำรุงร่างกายที่ดี แต่สำหรับคนที่ชอบกินอาหารทอด นอนดึก ปากแห้งและอารมณ์ไม่ค่อยดีนั้น ไม่ควรกินมะพร้าวมาก


เชอร์รี่และองุ่น
บำรุงไต แม้ว่าเชอร์รี่จะลูกเล็กแต่มีธาตุเหล็กมาก สามารถบำรุงเลือด เป็นผลไม้ที่ดีสำหรับคนที่มีอาการโลหิตจาง แต่เชอร์รี่มีลักษณะร้อน หากกินมากไปอาจทำให้นอนไม่หลับและเจ็บคอ เมื่อกินเชอร์รีมากไป ควรดื่มน้ำอ้อยเพื่อแก้สมดุล องุ่น ก็มีบทบาทบำรุงไตเช่นกัน องุ่นไม่ว่าเนื้อ เปลือกหรือเมล็ด ล้วนเป็นผลดีต่อสุขภาพ คนฝรั่งเศสชอบดื่มไวน์ เพราะไวน์ผลิตจากทั้งเนื้อ เปลือกและเมล็ดขององุ่น ซึ่งมีวิตามินอี วิตามินบี12 และวิตามินซี ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันและรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ


ส้ม
ส้มเกือบเป็นตัวแทนของวิตามินซีแล้ว เพราะส้มเต็มไปด้วยวิตามินซี สามารถเสริมภูมิต้านทาน ป้องกันมะเร็ง ขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ในสายตาของแพทย์แผนจีน ส้มสามารถขจัดเสมหะ แก้ร้อนใน บำรุงกระเพาะอาหารและม้าม คนกวางตุ้งของจีนชอบกินเปลือกส้ม เพราะในเปลือกส้มมีวิตามินซีมากกว่าเนื้อส้ม และน้ำมันในเปลือกส้มยังสามารถช่วยกระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนตัว ขจัดไขมันและลดคอเลสเตอรอล เมื่อเป็นหวัดจนมีอาการหายใจลำบากและคลื่นไส้ เอาเปลือกส้มและขิงต้มกับข้าวต้ม จะได้ผลดี


แครอท
ช่วยล้างไขมันและช่วยการทำงานของตับ มีเบต้าแคโรทีนสูง เมื่อถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายแล้วจะถูกเปลี่ยนไปเป็นวิตามินเอ อีกทีหนึ่งวิตามินเอจากธรรมชาติมีประโยชน์มาก เช่นช่วยในการรักษาโรคตาแทบทุก ชนิด นอกจากนั้นยังช่วยต่อต้านโรคเกี่ยวกับทรวงอก ช่วยทำให้ผิวหนังสดชื่น ช่วยป้องโรคผิวหนัง เช่น ฝ้า ตกกระ สร้างความเจริญเติบโตของร่างกาย สร้างกระดูก ฟัน เล็บ เหงือก ให้แข็งแรง นอกจากนั้นยังช่วยรักษา สิว ฝีแผลเน่า ยังช่วยรักษาโรคถุงลมโป่งฟองกับไทรอยด์เป็นพิษได้ด้วย


มะเขือเทศ
ในมะเขือเทศมีส่วนประกอบสำคัญคือ lycopene ซึ่งเป็น carotenoid ที่ไม่มี provitamin A activity มีการศึกษาหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการบริโภคมะเขือเทศและผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจได้ ช่วยเสริมฤทธิ์ต้านมะเร็งและโรคหลอดเลือดหัวใจเชื่อว่าเกิดจากการมี lycopene ไปปรับการทำงานของระบบฮอร์โมน และภูมิคุ้มกัน ตลอดจนกระบวนการ เมตาบอลิสั่มภายในร่างกาย ในคนสุขภาพดีที่บริโภค lycopene ในรูปของน้ำมะเขือเทศและซอสมะเขือเทศเป็นเวลา 1 สัปดาห์ พบว่ามีระดับ oxidized LDL ต่ำลง มีคุณสมบัติลดระดับ cholesterol ในเลือด การบริโภคมะเขือเทศลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งชนิดต่างๆ เช่น มะเร็งในช่องปากและกล่องเสียง, หลอดอาหาร, ลำไส้, เต้านม และรังไข่ และมีการศึกษาหลายการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าการบริโภคมะเขือเทศลดการทำลาย DNA ในเม็ดเลือดขาวและต่อมลูกหมากได้

ส้มโอ
มีธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม มีกรดอินทรีย์ วิตามินซี เอ และบี มีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส ขับลมในกระเพาะอาหาร รสขมของส้มโอให้สารเพคตินสูงช่วยในการขจัดไขมันสะสมในร่างกาย โดยเฉพาะไขมันหน้าท้อง


พีช
ลูกพีชเป็นผลไม้ที่มีสีเหลืองอมส้ม ซึ่งผลไม้ที่มีสีเหลืองและสีส้มจะมีวิตามินเอสูงมาก หน้าที่สำคัญของวิตามินเอ ช่วยในการควบคุมการทำงานของ Rod cells และ Cone cells ใน Retina บำรุงรักษาเซลล์ชนิดบุผิว ของอวัยวะต่าง ๆ วิตามินเอมีบทบาทในการสร้างกระดูกและฟัน และระบบสืบพันธุ์ สารสีเหลืองที่มีอยู่ในลูกพีช มีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อว่า เบต้าคริบโตแซนทิน ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ช่วยบำรุงหัวใจและกระเพาะอาหาร เป็นยาระบายอ่อน ๆ ในผลลูกพีชยังมีเกลือแร่โบรอน ซึ่งทำให้สมองกระฉับกระเฉงและกระปรี้กระเปร่า ถ้าได้รับเกลือแร่โบรอนในปริมาณต่ำ จะทำให้สมองทำงานช้าลงและสมาธิสั้น


พรุน
ลูกพรุน มีกากใยธรรมชาติ Dietary Fiber จำนวนมากหลายชนิด ซึ่งเป็นทั้งชนิดที่ละลายน้ำได้ และละลายน้ำไม่ได้ กากใยอาหารนี้มีส่วนช่วยลดโคเลสเตอรอลได้ สามารถลดไขมันในเลือด (LDL Cholesterol) ในผู้ป่วยที่มีไขมันในเลือดสูง
ในลูกพรุนยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงอีกจำนวนมาก รวมถึงมีวิตามิน เช่น
วิตามิน B2 (Riboflavin) ช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง ผิวหนัง เล็บ และผม
วิตามิน C (Ascorbic Acid) สารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) ช่วยให้ร่างกายและสมองแก่ตัวช้าลง อัตราการเกิดเป็นโรคมะเร็งน้อยลง
วิตามิน E เป็น Anti-oxidant ช่วยยืดอายุเม็ดเลือดแดง ผิวเนียนนุ่ม บำรุงสายตา
แคลเซียม (Calcium) ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน รักษาระดับการเต้นของหัวใจ
เหล็ก (Iron) เป็นส่วนประกอบที่ใช้ในการสังเคราะห์ ฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง
น้ำลูกพรุนทำมาจากผลพลัมแห้ง ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่สำคัญต่อร่างกายเป็นจำนวนมาก เป็นที่รู้จักและนิยมนำมารับประทานกันเป็นระยะเวลานาน แม้จะมีรสหวานแต่ส่วนมากประกอบไปด้วยน้ำตาลชนิด ฟลุคโตส และ ซอร์บิทอล ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญ น้ำลูกพรุนยังช่วยระบายและรักษาอาการท้องผูกได้อย่างปลอดภัย ทั้งผู้ใหญ่และเด็ก

1 ความคิดเห็น:

  1. เนื้อหาดีมีสาระ แต่อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะว่า background มันมากไป แก้ไขหน่อยน่ะ
    อภิชัย แป๊ะ

    ตอบลบ